วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

สื่อการสอน
               
                สื่อการสอนนับว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการเรียนการสอนนับแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน   เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจความหมายของเนื้อหาบทเรียนได้ตรงกับผู้ที่สอนตั้งการ  ไม่ว่าสื่อนั้นจะเป็นสื่อในรูปแบบใดก็ตาม  ล้วนแต่เป็นทรัพยากรที่สามารถอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น  ในการใช้สื่อการสอนนั้นผู้สอนจำเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะ  และคุณสมบัติของสื่อแต่ละชนิดเพื่อเลือกสื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การสอนและสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน  โดยต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบในการใช้สื่อด้วย  ทั้งนี้เพื่อให้กระบวนการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายของของ สื่อการสอน
                สื่อ ( Medium, Pl. Media ) เป็นคำที่มาจากภาษาลาตินว่า “ Medium ”   แปลว่า ระหว่าง ” (between)   หมายถึง  ตัวกลางที่จะทำให้สิ่งหนึ่งเดินทางจากจุดหนึ่ง ไปยังจุดปลายทางอีกจุดหนึ่ง  หรือเป็นตัวเชื่อมระหว่างจุดทั้งสอง
                การสอน (Instruction)   การสอน  เป็นการกระทำของครูเพื่อให้เกิดการเรียนรู้หรือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในตัวผู้เรียน
                สื่อการสอน (Instruction Media )  หมายถึง  ตัวกลางที่จะช่วยนำและถ่ายทอดข้อมูลความรู้   จากครูผู้สอนหรือจากแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียน  เป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายและขยายเนื้อหาบทเรียน  ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นเพื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนที่ตั้งไว้

การจำแนกสื่อการสอน
นักการศึกษาท่านต่างๆได้จำแนกสื่อการสอนตามประเภท  ลักษณะ  และวิธีการใช้  ดังนี้
v เดอ  คีฟเฟอร์  ( De Kieffer )
                เดอ  คีฟเฟอร์  ได้ทำการแบ่งสื่อออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะที่ใช้ เรียกว่า โสตทัศนูปกรณ์”                                 (Audio-Visual Aids)   ได้แก่
1.  -สื่อประเภทใช้เครื่องฉาย  (Projected  Aids)  ได้แก่ เครื่องฉายภาพยนตร์  เครื่องฉายแผ่นโปร่งใส   เครื่องฉายสไลด์  เป็นต้น
2.  -สื่อประเภทไม่ใช่เครื่องฉาย (Nonprojected  Aids)  ได้แก่  รูปภาพ  ของจริง แผนภูมิ  ของจำลอง เป็นต้น
3.  - สื่อประเภทเครื่องเสียง (Audio  Aids)  ได้แก่  เครื่องบันทึกเสียง  แผ่นเสียง  วิทยุ  เป็นต้น

v เอดการ์  เดล  (Edgar Dale)      
                เอดการ์  เดลได้จัดแบ่งสื่อการสอนเป็นแนวทางในอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อโสตทัศนูปกรณ์      ต่างๆ  ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย  โดยพัฒนาความคิดของบรุนเนอร์ (Bruner)  ซึ่งเป็นนักจิตวิทยานำมาสร้างเป็น “ กรวยประสบการณ์ ” (Cone of Experiences) โดยแบ่งขั้นตอนดังนี้      
1.         ประสบการณ์ตรง  เป็นประสบการณ์ขั้นที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดโดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์โดยตรงจากของจริง  สถานการณ์จริง  หรือด้วยการกระทำของตนเอง  เช่น  การจับต้องและการเห็น   เป็นต้น
2.         ประสบการณ์รอง  เป็นการเรียนรู้โดยการให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด  ซึ่งอาจเป็นของจำลองหรือการจำลองก็ได้
3.         ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง  เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร เพื่อเป็นการจัดประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนในเรื่องที่มีข้อจำกัดยุด้วยยุคสมัยเวลาและสถานที่ เช่น เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม  เป็นต้น
4.         การสาธิต เป็นการแสดงหรือการกระทำประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำนั้น
5.         การศึกษานอกสถานที่  เป็นการให้ผู้เรียนได้รับและเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆภายนอกสถานที่เรียน  อาจเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น
6.         นิทรรศการ  เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่างๆ การจัดป้ายนิเทศ ฯลฯ เพื่อให้สารประโยชน์และความรู้แก่ผู้ชม  เป็นการให้ประสบการณ์แก่ผู้ชมโดยการนำประสบการณ์หลายอย่างผสมผสานกันมากที่สุด
7.         โทรทัศน์  โดยใช้ทั้งโทรทัศน์การศึกษาและโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผูเรียนหรือผู้ชมที่อยู่ในห้องเรียนหรือยุทางบ้าน  และใช้ส่งได้ทั้งในระบบวงจรเปิดและวงจรปิดการสอนอาจจะเป็นการสอนลดหรือบันทึกลงวีดีทัศน์ก็ได้
8.         ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ลงบนฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพและเสียงโดยใช้ประสาทตาและหู
9.         การบันทึกเสียง  วิทยุ  ภาพนิ่ง  การบันทึกเสียงอาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียงหรือเทปบันทึกเสียง  วิทยุเป็นสื่อที่ให้เฉพาะเสียง  ส่วนภาพนิ่งอาจเป็นรูปภาพ  สไลด์โดยเป็นภาพวาด  ภาพล้อ  หรือภาพเหมือนจริงก็ได้  ข้อมูลที่อยู่ในสื่อ
10.  ทัศนสัญลักษณ์  เช่น แผนที่  แผนภูมิ  แผนสถิติ  หรือเครื่องหมายต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นจริงของสิ่งต่างๆหรือข้อมูลที่ต้องการให้เรียนรู้
11.  วจนสัญลักษณ์  เป็นประสบการณ์ขั้นที่เป็นนามธรรมมากที่สุด  ได้แก่  ตัวหนังสือในภาษาเขียนและเสียงของคำพูดในภาษาพูด
           เดลได้จำแนกสื่อการสอนออกเป็น  3  ประเภท  คือ
1)           1. สื่อประเภทวัสดุ (Solfware) หมายถึง สื่อที่เก็บความรู้อยู่ในตัวเองซึ่งจำแนกย่อยได้เป็น 2  ลักษณะ คือ
1.1      วัสดุประเภทที่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์อื่นช่วย  เช่น  แผนที่  ลูกโลก  ฯลฯ
1.2      วัสดุประเภทที่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ด้วยตนเองจำเป็นจะต้องอาศัยอุปกรณ์อื่นช่วย  เช่น  แผ่นเสียง  ฟิล์มภาพยนตร์  ฯลฯ                                                                                                                                         
       2.สื่อประเภทอุปกรณ์ (Hardware)  หมายถึง  สิ่งที่เป็นตัวกลางหรือตัวผ่านทำให้ข้อมูลหรือความรู้ที่บันทึกในวัสดุสามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นหรือได้ยิน  เช่น  เครื่องฉายแผ่นโปร่งใส                              เครื่องฉายสไลด์  ฯลฯ
3)            3.สื่อประเภทเทคนิคและวิธีการ (Techniques  and  Methods)  หมายถึงสื่อที่มีลักษณะเป็นแนวความคิดหรือรูปแบบขั้นตอนในการเรียนการสอน  โดยสามารถนำสื่อวัสดุและอุปกรณ์มาช่วยในการสอนได้  เช่น  เกมและการจำลอง  การสอน
แบบจุลภาค  ฯลฯ

v อีลี (Ely)
         อีลีได้จำแนกสื่อการสอนตามทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning  Resources) เป็น  5  รูปแบบ  โดยแบ่งได้เป็นสื่อที่ออกแบบขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายทางการศึกษา (by desing)  และสื่อที่มีอยู่ทั่วไปแล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน (by utilization)  ได้แก่
1.             คน (People) ในทางการศึกษาโดยตรงนั้น  หมายความถึง  บุคลากรที่อยู่ในระบบของโรงเรียน      ได้แก่  ครู  ผู้บริหาร  ผู้แนะแนวการศึกษา  ผู้ช่วยสอน  หรือผู้ที่อำนวยความสะดวกด้านต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนรู้เกิดการเรียนรู้ ส่วน คนตามความหมายของการประยุกต์ใช้นั้นได้แก่  คนที่ทำงานหรือมีความชำนาญงานในแต่ละสาขาซึ่งมีอยู่ในวงสังคมทั่วไป  คนเหล่านี้นับเป็น ผู้เชี่ยวชาญซึ่งถึงแม้จะมิใช่นักศึกษา  แต่ก็สามารถจะช่วยอำนวยความสะดวกหรือเชิญมาเป็นวิทยากรเพื่อเสริมการเรียนรู้ได้ในการให้ความรู้แต่ล่ะด้าน  อาทิเช่น  ศิลปิน นักการเมือง  เหล่านี้เป็นต้น
2.             วัสดุ (Materials) วัสดุในการศึกษาโดยตรงจะเป็นประเภทที่บรรจุเนื้อหาบทเรียนโดยรูปแบบของวัสดุมิใช่สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึง เช่น หนังสือ สไลด์    แผนที่ เป็นต้น  หรือสื่อต่างๆที่เป็นทรัพยากรในโรงเรียนและได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอน  ส่วนวัสดุที่นำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนนั้นจะมีลักษณะเช่นเดียวกับวัสดุที่ใช้ในการศึกษาดังกล่าวข้างต้น  เพียงแต่ว่าเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในวัสดุนั้นส่วนมากจะอยู่ในรูปของการให้ความบันเทิง เช่น เกมคอมพิวเตอร์  หรือภาพยนตร์สารคดีชีวิตสัตว์ เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้มักถูกมองไปในรูปของความบันเทิงแต่ก็สามารถให้ความรู้ได้เช่นกัน
3.             อาคารสถานที่ (Settings)  หมายถึง  ตัวตึก  ที่ว่าง  สิ่งแวดล้อม ฯลฯ  ซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับทรัพยากรรูปแบบอื่นที่กล่าวมาแล้วและกับผู้เรียนด้วย  สถานที่สำคัญในการศึกษา  ไดแก่  ตึกเรียน และสถานที่อื่นๆที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนการสอนโดยส่วนรวม  เช่น  ห้องสมุด  หอประชุม                  สนามเด็กเล่น  เป็นต้น  ส่วนสถานที่ต่างๆในชุมชนก็สามารถประยุกต์ใช้เป็นทรัพยากรสื่อการเรียนได้เช่นกัน  เช่น  โรงงาน  ตลาด  สถานที่ทางประวัติศาสตร์  เป็นต้น
4.             เครื่องมือและอุปกรณ์ (Tools and Equipment) เป็นทรัพยากรทางการเรียนรู้เพื่อช่วยในการผลิตหรือใช้ร่วมกับทรัพยากรอื่น  ส่วนมากมักเป็นเครื่องมือด้านโสตทัศนูปกรณ์หรือเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร  เครื่องคอมพิวเตอร์  เป็นต้น
5.             กิจกรรม (Activities) โดยทั่วไปแล้วกิจกรรมที่กล่าวถึงมักเป็นการดำเนินงานที่จัดขึ้นเพื่อกระทำร่วมกับทรัพยากรอื่นๆหรือเป็นเทคนิควิธีการพิเศษเพื่อการเรียนการสอน  เช่น  การสอนแบบโปรแกรม  เกมและการจำลอง  ฯลฯ  กิจกรรมเหล่านี้มักมีวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้น  มีการใช้วัสดุการเรียนเฉพาะแต่ละวิชา  หรือมีวิธีการพิเศษในการเรียนการสอน

สื่อประสม
           ในการใช้สื่อการสอนต่างๆเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดหรือประเภทใดก็ตาม  ผู้สอนอาจจะใช้สื่อครั้งละเพียงอย่างเดียว  หรืออาจจะใช้สื่อร่วมกันหลายๆอย่างในรูปแบบของ สื่อประสม” (Multimedia)  ก็ได้     โดยอาจเป็นการใช้กับผู้เรียนกลุ่มใหญ่  กลุ่มย่อย  หรือในการศึกษารายบุคคลการใช้สื่อประสมนี้โดยทั่วไปแล้วจะใช้สื่อแต่ละอย่างเป็นขั้นตอนไป  แต่ในบางครั้งก็อาจใช้สื่อหลายชนิดพร้อมกันได้   ในปัจจุบันได้มีการนำวัสดุมาผลิตเป็นชุดสื่อประสมโดยผลิตขึ้นตามขั้นตอนการใช้ของระบบการสอน  โดยจัดเป็น                             “ชุดการสอน” (Teaching  Package)   สำหรับให้ผู้สอนใช้สอนแต่ละวิชา  และเป็น ชุดการเรียน”                 (Learning  Package)  ของแต่ละวิชาสำหรับผู้เรียนให้สามารถใช้เรียนได้ด้วยตนเอง  สื่อประสมแต่ละชุดจะมีลักษณะเป็นอย่างไรและประกอบด้วยสื่ออะไรบ้างนั้นย่อมขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของบทเรียนและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้  โดยทั่วไปแล้วชุดสื่อประสมจะจัดอยู่ในกล่องหรือแฟ้มซึ่งประกอบด้วย
1.             คู่มือ  สำหรับผู้สอนในการใช้ชุดการสอน  และสำหรับผู้เรียนในชุดการเรียน
2.             คำสั่ง   เพื่อกำหนดแนวทางในการสอนหรือการเรียน
3.             เนื้อหาบทเรียน  จัดอยู่ในรูปของสไลด์   เทปบันทึกเสียง  วัสดุกราฟิก  ม้วนวีดีทัศน์  ฯลฯ
4.             กิจกรรมการเรียน  เป็นการให้ผู้เรียนทำรายงาน  กิจกรรมที่กำหนดให้หรือค้นคว้าต่อจากที่เรียนไปแล้วเพื่อความรู้ที่กว้างขวางขึ้น
5.             แบบทดสอบ  เป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับเนื้อหาบทเรียนนั้นเพื่อการประเมิน




v ห้องสื่อประสม
        นอกจากการใช้สื่อในรูปวัสดุที่จัดเป็นชุดสื่อประสมที่กล่าวมาแล้ว   เรายังสามารถใช้อุปกรณ์ในรูปของสื่อประสมได้ด้วย  เช่น  การใช้เทปบันทึกเสียงร่วมกับเครื่องฉายสไลด์  หรือการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับเครื่องเล่นแผ่นวีดิทัศน์  เป็นต้น  นอกจากนี้ในปัจจุบันสถาบันการศึกษาต่างๆจะจัดให้มี ห้องสื่อประสม”  ขึ้นเพื่อเป็นห้องรวมวัสดุอุปกรณ์ชนิดต่างๆไว้ด้วยกันเพื่อความสะดวกในการใช้สื่อประสมในการสอน  โดยภายในห้องสื่อประสมจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายอย่าง  อาทิ เช่น  เครื่องฉายแผ่นโปร่งใส  เครื่องฉายสไลด์  จอภาพ  เครื่องเล่นวีดิทัศน์ ฯลฯ  การนำอุปกรณ์ต่างๆมารวมไว้ในห้องเดียวกันทำให้ผู้สอนสะดวกในการสอนเป็นอย่างยิ่งทำให้การสอนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

v ชุดสื่อประสมเคลื่อนที่
     การจัดชุดสื่อประสมเคลื่อนที่จะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สอนเป็นอย่างยิ่งในการเข็นเคลื่อนย้ายชุดสื่ออุปกรณ์ไปสอนในห้องต่างๆได้ ชุดสื่อประสมนี้จะออกแบบเป็นรถเข็นใหญ่เพื่อบรรจุอุปกรณ์การสอน  เช่น  เครื่องฉายแผ่นโปร่งใส   ชุดคอมพิวเตอร์พร้อมแผงแป้นอักขระและเมาส์  จอภาพ  เครื่องเล่นแผ่นวีดีทัศน์  และลำโพง  สำหรับเคลื่อนย้ายไปยังห้องเรียนและสถานที่ต่างๆได้โดยสะดวกรวดเร็ว
v สถานีงานสื่อประสม
                 นอกจากอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาใช้ร่วมกันในลักษณะสื่อประสมดังกล่าวแล้วยังได้มีการจัดเป็น สถานีงานสื่อประสม”   (Hypermedia/Multimedia  Workstations) ขึ้นโดยในแต่ละสถานีงานจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายชนิดต่อเชื่อมโยงกันเพื่อเสนอข้อมูลโดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางสั่งการทำงาน  สำหรับคำว่า สถานีงาน” (Workstation) ในลักษณะนี้หมายถึงการรวบรวมอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆทั้งในระบบแอนะล็อกและดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างงมี  ประสิทธิภาพภาพสูงสุด
                  ตัวอย่างเช่น  Audio Visual Connection (AVC)  System  ของไอบีเอ็ม   ที่อาจจะเรียกได้ว่ามีลักษณะเป็นสถานีงานสื่อประสมที่ผสมผสานกันไดดีที่สุดสถานีหนึ่ง
                  อุปกรณ์ในสถานีงานประกอบด้วยส่วนป้อนข้อมูลภาพและเสียง  ได้แก่  เครื่องเล่นวีดิทัศน์    กล้องถ่ายวีดิทัศน์  เครื่องเล่นแผ่นวีดิทัศน์  เครื่องเล่นเทปตลับ  เครื่องเล่นแผ่นซีดี  และไมโครโฟน  โดยต้องมีเครื่องแปลงสัญญาณภาพและเสียงซึ่งเป็นแอนะล็อกให้เป็นดิจิทัลเสียก่อนเพื่อใส่ข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้  และหลังจากนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จะผสมสัญญาณเพื่อส่งออกทางเครื่องรับโทรทัศน์  เครื่องขยายเสียง และอุปกรณ์รับภาพและเสียงอีกมากมายหลายประเภท


คุณค่าของสื่อการสอน   
     สื่อการสอนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งกับผู้เรียนและผู้สอนดังต่อไปนี้
v    สื่อกับผู้เรียน
1.             เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพราะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ง่ายขึ้นในระยะเวลาอันสั้น  และสามารถช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดในเรื่องนั้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
2.             สื่อจะช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน  ทำให้เกิดความสนุกและไม่รู้สึกเบื่อหน่ายการเรียน
3.             การใช้สื่อจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจตรงกัน  และเกิดประสบการณ์ร่วมกันในวิชาที่เรียนนั้น
4.             ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนมากขึ้น  ทำให้เกิดมนุษยสัมพันธ์อันดีในระหว่างผู้เรียนด้วยกันเองและผู้สอนด้วย
5.             ช่วยสร้างเสริมลักษณะที่ดีในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้  ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์จากการใช่สื่อเหล่านั้น
6.             ช่วยแก้ปัญหาเรื่องราวของความแตกต่างระหว่าบุคคลโดยการจัดให้มีการใช้สื่อในการศึกษารายบุคคล

                    v สื่อกับผู้สอน
1.             การใช้สื่อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการเรียนการสอนเป็นการช่วยให้บรรยากาศในการสอนน่าสนใจยิ่งขึ้น  ทำให้ผู้สอนมีความสนุกสนานในการสอนมากกว่าวิธีการที่เคยใช้การบรรยายแต่เพียงอย่างเดียวและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้เพิ่มขึ้นด้วย
2.             สื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้สอนในด้านการเตรียมเนื้อหาเพราะบางครั้งอาจทำให้ผู้เรียนศึกษาจากสื่อเองได้
3.             เป็นการกระตุ้นให้ผู้สอนตื่นตัวอยู่เสมอในการเตรียมและผลิตวัสดุใหม่ๆเพื่อใช้เป็นสื่อการสอน ตลอดจนคิดค้นเทคนิควิธีการต่างๆเพื่อให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้น
v    สื่อกับผู้เรียน
1.             เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ  เพราะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ง่ายขึ้นในระยะเวลาอันสั้น  และสามารถช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดในเรื่องนั้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
2.             สื่อจะช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน  ทำให้เกิดความสนุกและไม่รู้สึกเบื่อหน่ายการเรียน
3.             การใช้สื่อจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจตรงกัน  และเกิดประสบการณ์ร่วมกันในวิชาที่เรียนนั้น
4.             ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนมากขึ้น  ทำให้เกิดมนุษยสัมพันธ์อันดีในระหว่างผู้เรียนด้วยกันเองและผู้สอนด้วย
5.             ช่วยสร้างเสริมลักษณะที่ดีในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้  ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์จากการใช่สื่อเหล่านั้น
6.             ช่วยแก้ปัญหาเรื่องราวของความแตกต่างระหว่าบุคคลโดยการจัดให้มีการใช้สื่อในการศึกษารายบุคคล

                    v สื่อกับผู้สอน
1.             การใช้สื่อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการเรียนการสอนเป็นการช่วยให้บรรยากาศในการสอนน่าสนใจยิ่งขึ้น  ทำให้ผู้สอนมีความสนุกสนานในการสอนมากกว่าวิธีการที่เคยใช้การบรรยายแต่เพียงอย่างเดียวและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้เพิ่มขึ้นด้วย
2.             สื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้สอนในด้านการเตรียมเนื้อหาเพราะบางครั้งอาจทำให้ผู้เรียนศึกษาจากสื่อเองได้
3.             เป็นการกระตุ้นให้ผู้สอนตื่นตัวอยู่เสมอในการเตรียมและผลิตวัสดุใหม่ๆเพื่อใช้เป็นสื่อการสอน ตลอดจนคิดค้นเทคนิควิธีการต่างๆเพื่อให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้น

หลักการเลือกสื่อการสอน
          การเลือกสื่อการสอนเพื่อนำมาใช้ประกอบการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง  โดยในการเลือกสื่อ  ผู้สอนจะต้องตั้งวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมในการเรียนให้แน่นอนเสียก่อนเพื่อใช้วัตถุประสงค์นั้นเป็นตัวชี้นำในการเลือกสื่อการสอนที่เหมาะสมนอกจากนี้ยังมีหลักการอื่นๆเพื่อประกอบการพิจารณาคือ
1.             สื่อนั้นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาบทเรียนและจุดมุ่งหมายที่จะสอน
2.              เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง  ทันสมัย  น่าสนใจ  และเป็นสื่อที่จะให้ผลต่อการเรียนการสอนมากที่สุด  ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาวิชานั้นได้ดีเป็นลำดับขั้นตอน
3.             เป็นสื่อที่เหมาะสมกับวัย  ระดับชั้น  ความรู้  และประสบการณ์ของผู้เรียน
4.             สื่อนั้นควรสะดวกในการใช้  มีวิธีใช้ไม่ซับซ้อนยุ่งยากเกินไป
5.             ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดี  มีความชัดเจนและเป็นจริง
6.             มีราคาไม่แพงจนเกินไป  หรือถ้าจะผลิตเองควรคุ้มกับเวลาและการลงทุน
           จากหลักการนี้สรุปได้ว่า  การจะเลือกสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพนั้นผู้สอนจะต้องมีความรู้ความสามารถและทักษะในเรื่องต่างๆดังนี้
1.             วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและจุดมุ่งหมายในการเรียนการสอน
2.             จุดมุ่งหมายในการนำสื่อมาใช้ประกอบหรือร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อใช้นำบทเรียน  ใช้ในการประกอบคำอธิบาย  ใช้เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์แก่ผู้เรียนหรือใช้เพื่อสรุปบทเรียน
3.             ต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะของสื่อชนิดต่างๆแต่ละชนิดว่า สามารถเร้าความสนใจและให้ความหมายต่อประสบการณ์การเรียนรู้แก่ผู้เรียนได้อย่างไรบ้าง  เช่น  หนังสือเรียนและสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆใช้เพื่อเป็นความรู้พื้นฐานและอ้าอิง  ของจริงและของจำลองใช้เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรง  แผนภูมิ  แผนภาพ  และแผนสถิติ  ใช้เพื่อต้องการเน้นหรือเพื่อแสดงให้เห็นส่วนประกอบหรือเปรียบเทียบข้อมูล   สไลด์และฟิล์มสทิปใช้เพื่อเสนอภาพนิ่งขนาดใหญ่ให้ผู้เรียนเห็นทั้งชั้นหรือใช้เพื่อการเรียนรายบุคคลก็ได้    เหล่านี้เป็นต้น
4.             ต้องมีความรู้เกี่ยวกับแหล่งของสื่อการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอกสถาบันการศึกษา  สื่อบางอย่างจะคุ้มค่าในการผลิตเองหรือไม่  หรืออาจหายืมได้ที่ไหนบ้าง